ติดตามบทสัมภาษณ์ คุณนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างความสำเร็จ จากการจัดโครงการพัฒนาศักยภาพนิสิตเพื่อผลิตบัณฑิตคุณภาพ (13 กุมภาพันธ์ 2561) จัดโดยหน่วยพัฒนาศักยภาพและเครือข่ายสัมพันธ์ กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร บรรยายในหัวข้อ “ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้” เพื่อให้นิสิต มีความรู้ความเข้าใจในทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ มีความรู้ความเข้าใจในทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ มีความพร้อมในการดำเนินชีวิตและสำเร็จการศึกษาไปเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพต่อไป
“ ตอนนี้ผมก็เป็น CEO ของบริษัทที่มียอดธุรกิจหลายพันล้านต่อปี พร้อมกับเป็นโค้ชในการเติมพลังการเปลี่ยนmindset (กระบวนการคิด)ของผู้คน เป็นคุณค่าที่ผมส่งมอบให้กับสังคมในทุกวันนี้อยู่ “
อาจารย์รู้สึกอย่างไรที่ได้มาบรรยายที่ ม.นเรศวร
ก็เป็นความตื่นเต้นของผมเลยว่า หลังจากที่ผมต่อสู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จมาจากการเป็นบ๋อยจนเป็นบอสพันล้านในทุกวันนี้ สิ่งที่ผมคิดถึงตลอดเวลาก็คือเอาการต่อสู้ชีวิตของผมแบ่งปันคืนสู้สังคมในทุกๆsegment (ส่วน) และหนึ่งในsegmentสังคม ที่ผมตั้งใจจะช่วยเติมพลังอย่างเติมที่ก็คือสังคมของมหาวิทยาลัย และวันนี้ได้มาที่ ม.นเรศวร ผมก็พร้อมที่จะจัดเต็มทุกพลังเพื่อความคุ้มค่าของการใช้เวลาอยู่ร่วมกัน
หัวข้อในการมาบรรยายในครั้งนี้ ทักษะอาชีพ ทักษะการเรียนรู้ อาจารย์มีความตั้งใจที่จะนำความรู้อะไรมาให้กับนิสิต
แน่นอนครับว่าในทักษะอาชีพ ทักษะการสร้างความรู้ใหม่ๆให้กับตัวเองสิ่งสำคัญที่ผมจะมุ่งเน้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการตัวเองของคนแต่ละคน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างความสำเร็จในชีวิตทุกๆบทบาท 80 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นเรื่องราวการจัดการตนเอง อีก 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นการใช้ความรู้เหมือนกับเครื่องมือที่มีอยู่ข้างนอกเพื่อใช้ประกอบกัน
อาจารย์มองในเรื่องมองในเรื่องของศักยภาพนิสิตในปัจจุบันอย่างไร ในด้านของความสนใจใฝ่รู้ การเรียน ทำกิจกรรม
จริงๆทุกๆคนมีศักยภาพแฝงอยู่ข้างใน แต่โดยสภาวะทั่วๆไปของการใช้ชีวิตแต่ละคนใช้ศักยภาพไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ตัวเองมีอยู่ เพราะฉะนั้นภารกิจของผมที่เดินสายทุ่มเทให้กับสังคมในทุกวันนี้ก็คือการเติมเปลี่ยนแปลง mindset ให้คนเข้าถึงสภาวะภายในของตัวเอง โดยเฉพาะสภาวะที่เรียกว่าพลังอารมณ์ต่างๆ เพราะชีวิตคืออารมณ์ อารมณ์คือชีวิต ถ้าคนแต่ละคนเข้าใจการบริหารอารมณ์ของตัวเองให้มันเปี่ยมพลังอยู่ตลอดเวลา คนๆนั้นก็จะสามารถสร้างชีวิตให้ดีกว่าเดิมได้อย่างน้อย 10 เท่าขึ้นไปเลยทีเดียว
ในยามที่ชีวิตที่ท้อแท้ ไม่มีกำลังใจที่จะไปต่อ มีวิธีกำจัดพลังลบ สร้างพลังบวกอย่างไร
แน่นอนครับ วิธีที่จะเติมพลังให้กับตัวเองเราเรียกวิธีนี้ว่าวิธีสร้างหรือบริหารสภาวะอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งวันนี้แหละผมจะแบ่งปันเทคนิคง่ายๆในเรื่องของการปรับสรีระจากที่เรานั่งแบบเหี่ยวๆ แล้วปรับสภาวะร่างกายเป็นตัวช่วยตัวที่หนึ่งแล้วตัวช่วยตัวที่สอง การจดจ่อความคิดไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นก็จะขยายผล เช่น ถ้าเราจดจ่อไปที่ปัญหาตลอดเวลาปัญหามันก็จะขยี้ทำให้เราหดหู่ท้อถอยง่ายๆ แต่ถ้าจดจ่อไปที่โอกาสในการเปลี่ยนแปลง ความหวังในการสร้างชีวิตใหม่และเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง สภาวะของเราก็จะเปี่ยมพลังขึ้น เราก็จัดการกับปัญหาได้ง่ายขึ้นรวมถึงวิธีการใช้คำพูด คำพูดที่เราใช้อยู่ตลอดเวลา คำถามที่เราใช้อยู่ตลอดเวลา มันก็จะช่วยปรับสภาวะอย่างเช่น บางคนชอบใช้คำพูดที่มันทำให้เราพลังตก เซ็งจังเลย แย่จังเลย วันนี้รู้สึกว่าไม่มีพลังเลย ไปต่อไม่ได้แล้ว กับอีกคนหนึ่งซึ่งใช้คำพูดที่เติมพลังเช่น มันยอดเยี่ยมแน่นอน ฉันทำได้ มันสุดยอด ถ้าคนที่คบหาจากคำพูดเหล่านี้ ก็จะสามารถมีพลังในการชนะอุปสรรคปัญหาได้มากขึ้น
เคล็ดลับในการบริหารชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่ การทำงาน การเงิน การบริหารเวลา การบริหารความสุข
การบริหารความสุขนี่มันเริ่มตั้งแต่เรื่องความคาดหวังของคน บางคนคาดหวังอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น เราก็เป็นคนที่ไม่ได้มุ่งมั่นตั้งใจในการทำอะไรให้มันดี แต่เราก็คาดหวังผลลัพธ์ที่มันสุดยอด เราเป็นนักศึกษาที่ไม่ได้ขยันเรียนไม่ได้ตั้งใจอ่านหนังสือ แต่เราก็คาดหวังเกรดที่ดีๆ อย่างนี้เราก็มีโอกาสเป็นทุกข์มาก หรือเราคาดหวังรายได้ที่สูงๆแต่เราก็ไม่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตน เพื่ออัพเกรดคุณค่าให้มันสูงขึ้น อย่างนี้ก็มีโอกาสมีความทุกข์ที่สูงกว่า ฉะนั้นการบริหารความสุขจึงเริ่มตั้งแต่การบริหารความคาดหวังที่สมเหตุสมผล แล้วเติมความท้าทายให้กับชีวิตพร้อมกับอัพเกรดตัวเองเพื่อให้เรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราก็จะมีความสุขความภูมิใจที่เพิ่มขึ้น
สุดท้ายอยากให้ฝากเป็นกำลังใจให้กับน้องๆในการที่จะเตรียมพร้อมก้าวสู่ตลาดแรงงาน เป็นบัณฑิตที่จบออกไปอย่างมีคุณภาพ
สิ่งแรกที่สุดก็คือความเชื่อที่มีต่อตัวเองก่อน เราต้องเชื่อว่าเราเป็นคนที่ดีพอ เราเป็นคนที่มีคุณค่า แล้วเราเป็นคนที่สู้กับตลาดในการจ้างงานต่างๆได้ เมื่อเรามีความเชื่อสิ่งนี้ ความคิดที่บอกตัวเองตลอดเวลาก็คือฉันดีพอ ฉันสำเร็จได้ ฉันหางานได้ ฉันก้าวหน้าได้ แค่ความคิดที่เราเปลี่ยนไป มันจะเติมพลังงานให้เรา แล้วในที่สุดเราก็จะมีพลังงานเพียงพอที่จะไปอัพเกรดตัวเองเพื่อเอาชนะปัญหาต่างๆที่เราเจอในแต่ละวันด้วยสภาวะอารมณ์ที่คึกคักอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราคึกคักอยู่ตลอดเวลา มันจะกลายเป็นกระบวนการในการสร้างชีวิต ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่ง แต่มันเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องหลายๆเดือน หลายๆปี แล้วทุกๆคนก็สามารถเป็นเจ้าของชีวิตที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขได้อย่างแน่นอน เป็นกำลังใจให้ครับ
—————————————-