แพทย์โรงพยาบาล ม.นเรศวร วอนประชาชนอย่ามุงเมื่อพบเห็นอุบัติเหตุ

แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่ตามมาตรฐานสากล พร้อมขอความร่วมมือประชาชนอย่ามุงเมื่อพบเห็นอุบัติเหตุ

        แพทย์หญิงปาลีรัฐ จริยากาญจนา ผู้รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการเตรียมความ พร้อมรับอุบัติภัยหมู่ และแพทย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ หน่วยเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า การจัดโครงการดังกล่าวได้มีการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง ณ แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที เป็นการเตรียมพร้อมบุคลากร ทุกหน่วยงาน ทุกระดับให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ มีความรู้ ทักษะ การเตรียมเครื่องมือ เวชภัณฑ์ ยา การเตรียมความพร้อมด้านการติดต่อสื่อสาร การประสานงานทีมภายในและภายนอก  หากเกิดเหตุการณ์จริงสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องรวดเร็วมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานสากลต่อไป

        “ปกติคนไข้เวลามาโรงพยาบาลจะทยอยกันมาทีละคนสองคน  ทรัพยากรภายในโรงพยาบาลก็จะพอดีกับคนไข้ แต่ถ้าเกิดว่ามีผู้ป่วยมาทีเดียวแบบลักษณะอุบัติเหตุหมู่ตั้งแต่ 10 – 30 คน มีความจำเป็นที่จะต้องดึงศักยภาพ ทรัพยากรภายในโรงพยาบาลที่มากกว่าเดิม  ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยๆ ในแต่ละปี  ดังนั้น จะต้องมีการซักซ้อมให้มีความพร้อมในเรื่องดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องดึงศักยภาพของทั้งโรงพยาบาลไม่ใช่แค่เฉพาะในห้องฉุกเฉิน  รวมทั้งทรัพยากรทั้งหมด เช่น จำนวนอุปกรณ์ต่างๆต้องมีเตียงมากขึ้น เพิ่มห้องผ่าตัด ดึงทรัพยากรมาจากหน่วยงานอื่นหรืออาจจะต้องไปยืมในโรงพยาบาลอื่นๆ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับความรุนแรง

        เราจะซ้อมให้ถึงในจุดศักยภาพสูงสุดเท่าที่โรงพยาบาลจะทำได้ก่อน ระดับสูงสุดคือต้องขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลพุทธชินราช ซึ่งการซักซ้อมดีมากเท่าไหร่เวลาเกิดเหตุการณ์จริงความวุ่นวายก็จะน้อยลง อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลของเรามีทั้งอาจารย์แพทย์ นิสิตแพทย์ แพทย์ใช้ทุน แพทย์ฝึกหัดรวมทั้งแพทย์ประจำบ้านซึ่งทุกคนถือว่าเป็นทีมในการรักษาทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมื่อมีการซ้อมก็จะมีการซ้อมเหมือนเหตุการณ์จริง ช่วงที่มีนิสิตแพทย์ขึ้นมาเรียนก็จะให้นิสิตแพทย์มาร่วมทำด้วย เพราะว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์จริงเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุช่วงเวลาใด เราก็ซ้อมเหมือนเราทำงานจริงๆ

        หมอดูแลด้านนี้ทุกปีตั้งแต่ได้มาเป็นอาจารย์แพทย์ที่นี่ เราซ้อมแค่ปีละ 1 ครั้ง แต่ว่าเราก็ค่อยๆ ทำปรับรูปแบบให้มันดีมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่มาแรกๆ จะมีปัญหาพอสมควร ช่วงหลังๆ เรามีการปรับมากขึ้น เช่น แต่เดิมเคยสอนแค่วันเดียว อบรมวันเดียว ปรับมาเป็น 3 วัน แต่การซ้อมก็จะเป็น 1 – 2 ครั้งต่อปี แล้วแต่ว่าจะมีช่วงเวลาใดเหมาะสม หรือปัญหาที่เกิดขึ้นมีมากจนต้องทำการซ้อมใหม่อีกรอบหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการซ้อมปีละ 1 ครั้งก่อนเทศกาล” แพทย์หญิงปาลีรัฐ กล่าว

        แพทย์หญิงปาลีรัฐ กล่าวให้คำแนะนำถึงประชาชนที่พบเห็นอุบัติเหตุหมู่ว่า ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเป็นหลักก่อน พร้อมทั้งอย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เช่น การมุงดูเหตุการณ์รวมถึงการไม่แชร์ภาพอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

        “การดูแลความปลอดภัยของตัวเองก่อนถือเป็นสิ่งสำคัญ กล่าวคือ ผู้พบเห็นควรอยู่ให้ห่างบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีความปลอดภัยเพียงใด ไม่ควรขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการมุงดูกันเป็นจำนวนมากถือว่าเป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่เช่นกัน รวมถึงอย่าแชร์ภาพ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้ป่วย หากถ่ายไปแล้วญาติของผู้ป่วยเห็นแล้วรู้สึกไม่ดีนอกจากนี้ สายด่วน 1669 สามารถใช้ได้ และไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อเห็นเหตุการณ์หรือเกิดเหตุและไม่แน่ใจว่าเป็นภาวะฉุกเฉินลักษณะใดก็สามารถที่จะโทรไปสอบถามเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการประเมินให้ว่าเป็นภาวะฉุกเฉินหรือไม่ ซึ่งจะมีการประเมินตามระบบตามพื้นที่ที่ได้รับผิดชอบ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุประมาณ 10 นาที

        ทั้งนี้  ขอขอบคุณบุคลากรทุกฝ่ายในโรงพยาบาลที่ให้ความร่วมมือ เพราะการซ้อมแผนถือว่าเป็นการทำเพื่อหน่วยงาน เพื่อประชาชน เราจะได้มีความพร้อมในการดูแลอย่างเต็มที่ ดังนั้น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรก็มีความพยายามที่จะทำเต็มที่  เพราะบางครั้งการป้องกันก็อาจจะเป็นไปได้ยาก อาจจะไม่เห็นผลเท่าที่ควร แต่เราก็จะพยายามดูแลประชาชนอย่างเต็มศักยภาพ” แพทย์หญิงปาลีรัฐ กล่าวทิ้งท้าย

ขอขอบคุณผู้ให้สัมภาษณ์ : แพทย์หญิงปาลีรัฐ จริยากาญจนา ผู้รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่ และแพทย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ หน่วยเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลเพิ่มเติมจาก :
เว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร  http://www.med.nu.ac.th/fom/th/fomMain.php?mod=viewInfoDetail&nID=5305

————————————————–

News: 0079

Loading

แชร์รายการนี้
fb-share-icon