วันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ส่งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและเกียรติบัตร จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น และภาคประชาชน จำนวนกว่า 35 องค์กร ณ ห้องเทาแสด ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร
รองศาสตราจารย์ ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร และในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการฯ เปิดเผยว่า ด้วย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดโครงการประกวดนวัตกรรมประชาธิปไตยเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยเชิงคุณภาพ ประจำปี 2565 เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยแก่เยาวชน บุคลากรทางการศึกษา ชุมชนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมในการพัฒนาประชาธิปไตยเชิงคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสนับสนุนงานนิติบัญญัติ โดย หน่วยวิจัยพัฒนาบูรณาการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรและภาคีเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้น้ำคลองยม-น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ ได้รับรางวัลนวัตกรรม “ดีมาก” ประเภทชุมชน องค์กร จากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 จากผลงาน : การบริหารจัดการน้ำชุมชน ภายใต้กระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
จากความพยายามในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมืองสุโขทัย ด้วยการตัดยอดน้ำในแม่น้ำยม ที่มีปริมาณ 1,400 ลบ.ม./วินาที ออกทางฝั่งซ้าย-ขวา ให้ไหลผ่านเมืองสุโขทัยเพียง 550 ลบ.ม./วินาที โดยแม่น้ำยมฝั่งซ้าย ด้านคลองหกบาท ให้สามารถระบายน้ำได้ 250 ลบ.ม./วินาที เข้าแม่น้ำยมสายเก่า ผ่านไปทางคลองยม-น่าน ลงสู่แม่น้ำน่าน ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 47 โดยการเวนคืนที่ดินประชาชนให้คลองมีความกว้าง 35 เมตร ตลอดคลองความยาว 36 กิโลเมตร มีที่ดินผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 1,028 แปลง วัตถุประสงค์เพื่อเป็นคลองระบายน้ำลงแม่น้ำน่านเท่านั้น แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองสุโขทัยได้ อีกทั้งปริมาณน้ำที่ระบายลงคลองยม-น่าน มีปริมาณมากจนทำให้พื้นที่ 3 อำเภอ 5 ตำบล 22 หมู่บ้าน ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและอุตรดิตถ์ ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเช่นกัน
เนื่องจากโครงการปี 2547 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมืองสุโขทัยได้ ในปี 2560 กรมชลประทานได้ออกแบบปรับปรุงคลองยม-น่านอีกครั้ง เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ำจาก 250 ลบ.ม./วินาที เป็น 500 ลบ.ม./วินาที โดยคลองมีความกว้างสูงสุดถึง 65 เมตร จำเป็นต้องเวนคืนที่ดินเพิ่มเติมจากปี 2547 อีก มีแปลงที่ดินผู้ได้รับกระทบจำนวน 964 แปลง ที่พักอาศัยจำนวน 201 หลังคาเรือน ทำให้ประชาชนริมคลองต้องสูญเสียที่ดินไปเป็นจำนวนมาก มีบางจุดแนวคลองเข้าไปในพื้นที่ของวัด นิคมสหกรณ์ และฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ บางรายต้องสูญเสียที่ดินและที่พักอาศัยทั้งหมด
เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างหน่วยงานรัฐกับผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินโครงการปี 2547 และ ปี 2560 โดยการรวมตัวกันคัดค้าน ต่อต้าน ไม่ยอมรับโครงการ โดยอ้างโครงการกระทบอิสรภาพและความเสมอภาค(equality)ของประชาขน ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่โครงการ และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ที่เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ ประชาชนบางรายประกาศยอมตายในพื้นที่เพราะไม่สามารถย้ายไปที่อื่นได้ และผู้รับผลกระทบมีความเห็นว่า ตนเองเคยเสียสละแล้ว ทำไมต้องเสียสละอีก ทำไมต้องเสียสละซ้ำซาก จึงเกิดการคัดค้าน ต่อต้าน และไม่ยอมรับโครงการ
ความขัดแย้งดังกล่าวได้ขยายวงกว้างโดยยังไม่เห็นทางออกจากความขัดแย้ง ผู้ได้รับผลกระทบแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ประชาชนได้ถวายฎีกา และร้องทุกข์ไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ช่วยแสวงหาทางออก
มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการร้องขอจากชุมชนให้เข้ามาหาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน อีกทั้ง กรมชลประทานได้ประสานให้มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้ามาดำเนินการจัดการมีส่วนร่วม เพื่อหาทางออกร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลในพื้นที่ตลอดแนวคลองแล้ว ได้ระดมอาจารย์สหสาขาวิชาจากหลากสถาบันการศึกษามาร่วมกันดำเนินการ เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดแนวทางการแสวงหาทางออก ด้วยหลักการ ใช้คนกลาง ไม่มีธง ลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด แสวงหาทางออก ยอมรับ ปรับใช้ อันเป็นที่มาของการใช้กระบวนการ “บริหารจัดการน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วมของประชาชน (Community Based Water Management, CBM)” เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาด้านมวลชนที่เกิดขึ้น
กระบวนการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วมของประชาชน หรือ Participation : Community Based Water Management (CBM) เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน โดยมีเครื่องมือที่ใช้ดำเนินการ ประกอบด้วย 1) หลักการประชาเข้าใจ (Public Understanding) 2) หลักการประเมินผลกระทบทางสังคม (SIA) 3) หลักการแบ่งปันแห่งความสุข (Share for Change) 4) ระบบ GIS Real Time 5) กิจกรรมการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และ 6) และบูรณาการกลวิธีการดำเนินงาน ซึ่งมีขั้นตอน 5 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นที่ 1 ต้องเริ่มต้นจากชุมชน เคารพเสียงของประชาชน รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างตั้งใจ ฟังทุกเสียง ฟังทุกปัญหาที่เกี่ยวกับน้ำท่วม และภัยแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้งความเดือดร้อนที่ได้รับจากการพัฒนาโครงการฯ โดยเคารพในการมีอิสรภาพ และความเสมอภาค ยอมรับในความแตกต่างของทุกคน ค้นหาผู้ได้รับผลกระทบที่แท้จริง และให้ความช่วยเหลือ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแผนการแก้ไข และพัฒนาของหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
ขั้นที่ 2 รวบรวมความต้องการ และการแก้ไขจากประชาชน นำความคิดเห็นของประชาชนที่ได้จากการรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ทั้งความต้องการและไม่ต้องการของประชาชน และแผนการพัฒนาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อกำหนดทางเลือกในการแก้ไขปัญหาในขั้นต้น โดยผู้เชี่ยวชาญสหสาขาวิชาจากหลากสถาบันการศึกษา และตัวแทนประชาชน ร่วมกันกำหนดทางเลือกในการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ตามหลัก “ให้ ห้าม หวง” แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ได้ จะต้องอยู่ภายใต้หลักการ “คน ดิน น้ำ ป่า”ที่ดี ซึ่งหมายถึง คน จะต้องมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น ดิน จะต้องมีการใช้ประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพ น้ำ จะต้องการบริหารจัดการที่ดี และมีคุณภาพที่ดี ป่า จะต้องมีความหลากหลายทางชีวภาพ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
ขั้นที่ 3 เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนบน 3 เสาหลัก นำทางเลือกการแก้ปัญหา มาให้ผู้ได้รับผลกระทบให้ความคิดเห็นโดยให้ความสำคัญต่อสิทธิ เสรีภาพ และกฎกติกาที่เป็นธรรม และร่วมกันพิจารณาทางเลือกต่างๆ บนพื้นฐานที่ต้องดำรงไว้ 3 เสาหลัก ได้แก่ “เกิดสังคมและสุขภาพที่ดี มีเศรษฐกิจที่ดี ในสิ่งแวดล้อมที่ดี” โดยมีผู้เชี่ยวชาญสหสาขาวิชาจากหลากสถาบันการศึกษา และเทคโนโลยี ร่วมกันปรับแต่งให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อใช้เป็นทางออกสำหรับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
ขั้นที่ 4 กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ นำเสนอแนวทางที่ได้จากขั้นตอนที่ 3 ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกพื้นที่ ทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ร่วมกันพิจารณาปรับแต่ง ตามหลัก ดีบ้านฉันแล้ว ต้องดีบ้านเพื่อนด้วย โดยใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาด้วยเหตุและผล ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง ต่อสังคมโดยส่วนรวม เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และสามารถขจัด/ลดผลกระทบที่เกิดจากการพัฒนาโครงการ โดยแนวทางการแก้ปัญหาในแต่ละพื้นที่ จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง โดยไม่ทอดทิ้งผู้เสียสละ เพื่อประชาชนส่วนใหญ่
ขั้นที่ 5 เชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาองค์รวมที่ยั่งยืน นำผลผลิตจากขั้นตอนที่ 4 มาเชื่อมโยงกันในเชิงพื้นที่ โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง และหากยังมีประเด็นที่ยังทำให้เกิดผลเสียกับพื้นที่ข้างเคียง จะต้องร่วมกันแสวงหาทางออกที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการทั้งคลองยม-น่าน โดยการพัฒนาโครงการฯ จะไม่ส่งผลกระทบระหว่างกัน และจะไม่มีใครได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว โดยมีการเชื่อมโยงกับการจัดการของหน่วยงานภาครัฐอย่างโปร่งใส (Transparency) ซึ่งตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง (Responsiveness)
จากการนำกระบวนการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วมของประชาชน Participation : Community Based Water Management (CBM) มาใช้ในการดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้น้ำคลองยม-น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ สามารถแก้ไขปัญหามวลชนในพื้นที่โครงการได้ ด้วยการที่กรมชลประทานได้ปรับปรุงแบบก่อสร้างใหม่ อันเป็นการลดการสูญเสียที่ดินและทรัพย์สินของประชาชนตามแนวคลองยม-น่าน ในขณะที่ได้สร้างอรรถประโยชน์ให้เกิดกับประชาชนให้สามารถใช้น้ำจากคลองยม-น่านได้ และลดปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้คู่ขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับประชาชน ที่มีสาเหตุมาจากการกำหนดนโยบายมาจากส่วนกลาง สามารถกำหนดทางออกจากปัญหา ด้วยการปรึกษาหารือร่วมกันอย่างแท้จริง ภายใต้ข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ส่งผลให้ขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่เป้าหมายที่กำหนดได้ในที่สุด
ทั้งนี้ ผลสัมฤทธิ์ที่ได้ คือ ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการแก้ปัญหา ตามกระบวนการ บริหารจัดการน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วม Participation : Community Based Water Management (CBM) ที่มีความสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ความต้องการ และความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ส่งผลให้กรมชลประทานสามารถขับเคลื่อนโครงการนี้ต่อไปได้ โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชนในพื้นที่โครงการ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย ได้แก่ 1. เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการดำเนินการที่เป็นการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการของภาครัฐอย่างเสมอภาค 2. การดำเนินการตามหลักธรรมภิบาล ตามกฎหมายที่มีความยุติธรรมและเป็นธรรม 3. ประชาธิปไตยอย่างมีส่วนร่วม ถึงแม้จะต้องดำเนินการตามเสียงสวนใหญ่ก็ตาม แต่จำเป็นต้องสนใจและเยี่ยวยาผู้ได้รับผลกระทบส่วนน้อย จะต้องดูแล แบ่งปันความทุกข์ ความสุข ของแต่ละกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ จาก กรณีดังกล่าว กระบวนการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วมของประชาชน Participation : Community Based Water Management (CBM) เป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นพลเมืองที่เป็นไปตามหลักพื้นฐานของการสร้างพลเมืองตามวิถีระบอบประชาธิปไตยทุกประการ
ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่อง เชิดชูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจในการมีส่วนร่วมและความเสียสละในด้านการบริหารจัดการน้ำต้นแบบในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดอุตรดิตถ์ แก่ภาคีเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้น้ำคลองยม-น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ ที่ดำเนินโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวรมาอย่างยาวนาน จึงได้จัดงานพิธีส่งมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตร แก่หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
-
- อธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร
- คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร
- อธิบดีกรมชลประทาน
- ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย
- ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์
- ประธานหอการค้าจังหวัดสุโขทัย
- นายอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- นายอำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
- นายอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- นายกเทศมนตรีตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- นายกเทศมนตรีตำบลในเมือง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- นายกเทศมนตรีตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
- นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- ผู้ใหญ่บ้านคุ้งยาง หมู่ 5 ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านคลองหกบาท หมู่ 6 ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านศรีสังวร หมู่ 13 ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านงิ้วงาม หมู่ 14 ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านคลองแค หมู่ 7 ตำบลในเมือง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านป่ามะม่วง หมู่ 9 ตำบลในเมือง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านมิตรภาพ หมู่ 13 ตำบลในเมือง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านคลองปู หมู่ 1 ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านวังแร่ หมู่ 2 ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านหนองตะเข้ หมู่ 5 ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านคลองวังทอง หมู่ 8 ตำบลคลองยาง อำเภอสรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านป่าสัก หมู่ 11 ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านนิคมสหกรณ์ หมู่ 5 ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านนิคมสหกรณ์ หมู่ 6 ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านคลองมะพลับ หมู่ 8 ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านโรตารี่ หมู่ 9 ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย
- ผู้ใหญ่บ้านปากคลอง หมู่ 1 ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- กำนันตำบลคอรุม บ้านคลองกล้วย หมู่ 8 ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- ผู้ใหญ่บ้านหนองลี หมู่ 10 ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- ผู้ใหญ่บ้านไทรเอน หมู่ 11 ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- ผู้ใหญ่บ้านบางนาเหนือ หมู่ 12 ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์
- นายสะอาด นางลำพึง อ่อนทอง บ้านศรีสังวร ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย