“กว่าจะมาเป็น ประธานสภานิสิต 60” นายนฤคม เอ้งฉ้วน ประธานสภานิสิต ประจำปีการศึกษา 2560

จุดเริ่มต้น กับการที่เราตัดสินใจก้าวเข้ามาสมัครเป็น ประธานสภานิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร

       ในการขึ้นเป็นประธานสภานิสิตอย่างแรกคือตัวเราเองต้องเป็นสมาชิกสภานิสิตประเภทสามัญ โดยได้รับการเลือกตั้งจากคณะต้นสังกัดของเราให้ได้คะแนนหรือลำดับตามประกาศของกองกิจการนิสิตในเรื่องของการเลือกตั้งผู้นำนิสิต เมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นสมาชิกสภานิสิต ซึ่งหนึ่งคือแต่ละปีจะมีการเลือกประธานสภานิสิตจากการประชุมสภานิสิตประเภทสามัญ ซึ่งจริงๆ ผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้เป็นประธานสภานิสิตด้วย ผมคิดว่าอย่างแรกคือด้วยความสามารถของตัวผม ที่ตัวผมเองคิดว่าเรามีความเป็นผู้นำที่คอยดูแลสภานิสิต เป็นหัวเรือสำคัญที่จะพาสภานิสิตไปข้างหน้า ความมั่นใจ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการเชื่อมั่นของสมาชิกสภานิสิตด้วยกัน เพราะการเลือกผู้ที่จะเป็นประธานสภานิสิตต้องได้รับความเชื่อใจจากทางสมาชิกที่เขาเลือกให้เรามาอยู่ตำแหน่งตรงนี้ด้วย ตอนที่ผมตัดสินใจเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนก็ค่อยสนับสนุนผมมากตั้งแต่ปี 2 แล้วในการขึ้นเป็นประธานสภานิสิต เมื่อมีการประชุมสภานิสิตในการสรรหาประธานสภานิสิต ก็มีเพื่อนเสนอชื่อผมให้เป็นผู้สมัครและผมก็ได้รับตำแหน่งจนถึงทุกวันนี้

สภานิสิต กับองค์การนิสิต ทำงานแตกต่างกันอย่างไร สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือบทบาทและหน้าที่  

       องค์การนิสิตบทบาทและหน้าที่คอยจัดกิจกรรมให้กับทางนิสิตส่วนใหญ่ แต่สภานิสิตเราจะไม่ใช่อย่างนั้น ส่วนใหญ่เราจะเป็นงานเบื้องหลังมากกว่า ค่อยดูแลความเรียบร้อยของการจัดกิจกรรมขององค์การนิสิต สโมสรนิสิต ชมรม การพิทักษ์สิทธิของนิสิตภายในมหาวิทยาลัย ถ้ามองอย่างง่ายๆ สภานิสิตเป็นกระบอกเสียงสำคัญของนิสิตในการนำปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อนิสิตให้มหาวิทยาลัยรับทราบและแก้ไขต่อไป อย่างเช่นกิจกรรมรับน้องและประชุมเชียร์ที่ทางสภานิสิตเราไปดูแลการจัดกิจกรรมว่ากิจกรรมจัดตามที่เสนอมหาวิทยาลัยหรือไม่ นิสิตได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง หรือการรับเรื่องร้องทุกข์ของนิสิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นงานที่เข้ามาตลอดเวลาของการทำงาน ปัญหาต่างๆ ที่แจ้งเข้ามาเรานำเสนอทางมหาวิทยาลัยรับทราบโดยทันที นอกจากงานภายในมหาวิทยาลัยแล้วสภานิสิตก็ยังมีบทบาทในเวทีที่ประชุมสภานิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยในการเป็นตัวแทนของนิสิตภายในมหาวิทยาลัยในเวทีระดับประเทศในการหารือเรื่องต่างๆ ที่เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ

บทบาทหน้าที่ของประธานนิสิตคืออะไรบ้าง

       บทบาทชองประธานสภานิสิตนั้น จริงๆ แล้วประธานสภานิสิตกับสมาชิกสภานิสิตมีสิทธิที่เท่าเทียมกันในเวลาการประชุมสภานิสิต แต่หน้าที่จะแตกต่างตรงที่ว่าประธานสภานิสิตมีอำนาจในการตัดสินใจแทนสมาชิกสภานิสิตในงานต่างๆ ที่ไม่ต้องได้รับเสียงมติในที่ประชุม การประสานงานหน่วยงานต่างๆ เป็นตัวแทนสมาชิกสภานิสิตในการเข้าร่วมกิจกรรมหรือการประชุมต่างๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือการเป็นหัวหน้าทีมที่ค่อยดูแลการทำงานต่างๆ ภายในสภานิสิตให้เป็นไปโดยความเรียบร้อย แต่สิ่งหนึ่งในทางปฏิบัติของการทำงานแม้ว่าเราเป็นประธานสภานิสิตก็ตาม แต่การทำงานเราทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเรียบร้อยและบรรลุผล

สภานิสิต จะเป็นตัวประสานนิสิต กับ มหาวิทยาลัย ให้เชื่อมถึงกันได้อย่างไร

       ก่อนอื่นต้องให้นิสิตภายในมหาวิทยาลัยรู้จักก่อนว่า สภานิสิตคืออะไร แล้วมีผู้แทนคนไหนที่เป็นสมาชิกสภานิสิตบ้าง เพื่อให้นิสิตได้รู้บทบาทของสภานิสิตในการติดต่อ ประสานงาน และร้องเรียนในเรื่องต่างๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน คือการมีแฟนเพจใน Facebook ที่เป็นสื่อในการเชื่อมต่อระหว่างนิสิต เมื่อเราได้รับเรื่องจากนิสิตแล้วในการประสานกับทางมหาวิทยาลัยนั้น โดยทางเราประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทันที หากข้อมูลใดที่ทางมหาวิทยาลัยแจ้งทางสภานิสิตเราก็จะแจ้งกับทางนิสิตในทันที

       สิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำเพื่อมหาวิทยาลัย คือ การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมรับน้องและประชุมเชียร์ ตอนผมเข้าปี 1 ผมมองว่ากิจกรรมรับน้องยังคงมีการบังคับและรูปแบบกิจกรรมยังคงไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม เมื่อตอนผมเข้าทำงานในฐานะสมาชิกสภานิสิต ตอนปี2 ผมจึงปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและให้นิสิตได้รู้ถึงสิทธิที่เกี่ยวข้องกีบนิสิตให้มากยิ่งขึ้น เมื่อตอนผมเข้ามาเป็นประธานสิ่งนี่ยังคงปรับเปลี่ยนตลอด ถ้าผลในตอนนี้ออกมายังไง ผมมองว่าผลของการเปลี่ยนแปลงยังเพียงแค่เริ่มต้น ถ้าหากให้ชัดเจนทุกคนต้องร่วมมือกันและปรับเปลี่ยนกิจกรรมให้เข้ากับสภาพสังคมและไม่มีการบังคับในอนาคต

การเรียนทำให้คนมีงานทำ กิจกรรมทำให้คนทำงานเป็น

       จริงๆ กิจกรรมถือว่าเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนอีกอย่างหนึ่งในทางปฏิบัติ ซึ่งต่อยอดจากห้องเรียน แต่ในความเป็นจริงเรายังกลัวว่ากิจกรรมจะพาการเรียนตก และผมก็คือหนึ่งในนั้นที่กลัวเรื่องการเรียนตอนเข้ามาตอนปี 1 เพราะตอนมัธยมผมทำกิจกรรมจนการเรียนลดลงอย่างมาก จึงทำให้ตอนเข้ามหาวิทยาลัยผมเลยไม่อยากทำกิจกรรม แต่เมื่อมีแรงจูงใจจากเพื่อนและรุ่นพี่ จึงกลับมาทำกิจกรรมอีกครั้ง พบว่า การเรียนทำให้เราได้แค่ความรู้นำไปใช้ แต่กิจกรรมทำให้นำความรู้มาใช้ให้เป็น

       กิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถามว่าเยอะไปไหม จริงๆ สำหรับผมมองว่าน้อยนะครับ  ถ้าไม่นับกิจกรรมชมรม แต่ผมมีวิธีที่จัดการในเรื่องนี้คือ จัดตารางเวลาแต่ละวัน ว่าเวลาไหนเรียน เวลาไหนทำกิจกรรม เวลาไหนทบทวนการเรียน หากในช่วงในกิจกรรมเยอะจนไม่สามารถเข้าเรียน อย่างแรกคือตามงานจากเพื่อนว่าเรียนอะไรบ้าง มีการบ้านไหม เมื่อเราได้งานมาแล้ว เราต้องกลับไปทบทวนวิชาที่เราไม่ได้เข้าเรียน ทำการบ้านส่งตามเวลา แต่ผมจะอ่านหนังสือล่วงหน้าก่อนสอบอย่างน้อย 1 เดือน เพื่ออ่านหนังสือให้จบแล้วอ่านทบทวนอีกครั้ง

Power Cheer ปี 2558 คือที่สุดของกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ที่น่าประทับใจในฐานะผู้เข้าร่วมกิจกรรม

       จริงๆ ในฐานะผู้ทำหน้าที่เป็นผู้นำนิสิต ทุกกิจกรรมที่เราจัดนั้นล้วนมีความประทับใจทุกกิจกรรม แต่จะกล่าวในฐานะผู้เข้าร่วมกิจกรรมแทน โดยกิจกรรมของมอที่ประทับใจคิดว่าเป็นที่สุด คงเป็นกิจกรรม Power Cheer ปี2558 ปีนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้แสดงพลังนิสิตออกมาเพราะฝนตก แต่มันประทับใจจริงที่ว่า ทุกคนแม้ว่าต่างคณะก็ตามแต่เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นในตอนนั้น ทุกคนต่างช่วยกันพากันหนีฝน แม้ว่าจะไม่ได้แสดงกิจกรรมออกมาก็ตาม แต่ทำให้เรารู้จักใครหลายๆ คน เมื่อเราเข้าในโดมเราทุกล้วนร่วมร้องเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัยอย่างสมศักดิ์ศรี

จากจุดเริ่มต้นจนมาถึงวันนี้  การที่ได้ก้าวมาเป็นประธานสภานิสิต ทำให้ก้าวข้ามคำว่า “ผู้นำ”  พร้อมสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจอยากทำ คือทำให้มหาวิทยาลัยเป็นที่รู้จักในสายตาของผู้คนภายนอกมากยิ่งขึ้น

       ผมว่าผมได้ก้าวคำว่า “ผู้นำ” มาแล้ว ตอนนี้ตัวผมเองได้รู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าง่าย แต่จริงๆ มันไม่ได้ง่ายที่คิด หรือบางสิ่งเรากลัวมัน ถ้าเราไม่ทำ เราก็กลายเป็นคนที่กลัวอย่างนี้ตลอดไป การเป็นประธานสภานิสิต คือตัวแทนของนิสิตที่เป็นผู้นำในการคอยดูแล พิทักษ์รักษาสิทธิของนิสิต วันนี้ทำให้รู้ว่าเสียงของนิสิตมีค่าที่จำเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัยให้ไปข้างหน้าได้ สิ่งที่ผมตั้งใจคิดอยากทำสิ่งดีๆ เพื่อมหาวิทยาลัย ผมคิดว่าวันนี้ผมตั้งใจเพื่อมหาวิทยาลัยแล้ว สิ่งหนึ่งหลังจากนี้คือทำให้มหาวิทยาลัยเป็นที่รู้จักในสายตาของผู้คนข้างนอกมากยิ่งขึ้น

       สิ่งที่อยากจะฝากถึงเพื่อนๆน้องๆ ชาวมหาวิทยาลัยนเรศวร คืออยากจะบอกทุกคนว่า “อยากทำอะไรในชีวิตมหาวิทยาลัย ก็ให้รีบทำ เรียนจบแล้วจะกลับมาทำสิ่งที่อยากทำไม่ได้” Keep Fighting!

————————————————–

News: 0111

Loading

แชร์รายการนี้
fb-share-icon