รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จารุภา วิโยชน์ ผู้รับผิดชอบโครงการฯ และอาจารย์ประจำภาคเทคโนโลยี เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้กล่าวถึงโครงการสัมมนาทางวิชาการ Natural Products-From Basic to Translation II (NPBT II) 2017 : Herbal Extracts for Aging Prevention and Treatment ว่า การจัดโครงการฯ ดังกล่าวได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยในครั้งแรกจัดเมื่อปี 2559 ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับมหาวิทยาลัยจากประเทศฝรั่งเศส รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจทั้งในกลุ่มของนิสิตและบุคคลภายนอกได้ความรู้งานวิจัยไปต่อยอดใช้ประโยชน์ต่อไป
“เหตุผลที่จัดโครงการเนื่องจากเราได้ต่อยอดความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับมหาวิทยาลัยจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ทำความร่วมมือกันมาเป็นเวลาหลายปี ประกอบกับเมื่อปี 2559 เราได้เขียนโครงการวิจัยร่วมกันโดยส่งไปที่สถานทูตฝรั่งเศสและ สกอ. ซึ่งก็ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยในการที่จะแลกเปลี่ยน บุคลากรและเราก็ได้มีโอกาสไปทำงานที่ฝรั่งเศสด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็กลับมาประเทศไทยเพื่อที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยี
สำหรับคณะเภสัชศาสตร์กับประเทศฝรั่งเศสที่มาร่วมงานดังกล่าว ต้องบอกว่ามีการทำงานร่วมกันมาเป็นระยะเวลานานแล้ว เช่น อาจารย์เองก็มีโอกาสไปทำงานที่ห้องปฏิบัติการของประเทศฝรั่งเศส แลกเปลี่ยนอาจารย์ที่คณะ และก็มีอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ที่จบมาจากประเทศฝรั่งเศสเช่นกัน จึงทำให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันมาโดยตลอด กล่าวคือ มีความสัมพันธ์กันมานาน ซึ่งไม่ใช่แค่การลงนามความร่วมมือแต่ยังมีการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งเราก็เห็นว่าเป็นต้นแบบที่ดี
การจัดโครงการฯ ในครั้งนี้ นอกจากนิสิตคณะเภสัชศาสตร์จะได้รับประโยชน์แล้ว ยังเปิดโอกาสให้กับนิสิตคณะอื่นๆ บุคลากรภายนอกมหาวิทยาลัย ภาคเอกชนที่มีความสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สามารถนำความรู้จากงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งในระหว่างการสัมมนาได้เปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็นร่วมกันระหว่างนักวิจัยกับภาคเอกชน เพื่อให้ได้มาซึ่งโจทย์วิจัยและผลงานวิจัยที่เรามีอยู่ไปใช้ได้จริงในอนาคต” รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จารุภา กล่าว
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จารุภา ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การจัดงานโครงการสัมมนาทางวิชาการ Natural Products-From Basic to Translation จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2561 อย่างแน่นอน
โดยจะทำให้เป็นในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะมีประเทศญี่ปุ่นและจีนมาร่วมการสัมมนาวิชาการในโครงการฯ ด้วย โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นองค์ความรู้ถ่ายทอดให้นิสิตของเรา อาจารย์ของเรา รวมทั้งภาคเอกชน ซี่งมหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมที่จะให้การสนับสนุนคนในชุมชนเป็นที่ตั้ง ดังนั้น ในการจัดครั้งที่ 3 จะมีการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาเรื่องผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โดยนอกจากจะมีการสัมมนาแล้ว จะมีการฝึกอบรม การเปิดเวทีร่วมแสดงความคิดเห็น การเรียนรู้ระหว่างนักวิจัย ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงผลักดันให้เกิดผลงานวิจัยแบบบูรณาการตามแนวนโยบายของรัฐบาล ที่จะต้องมาจากความต้องการของประชาชนและภาคเอกชนเพื่อนำไปสู่การต่อยอดและการผลิตต่อไป
“มีอาจารย์หลายๆ ท่านที่จะทำให้งานวิจัยมาขึ้นห้างด้วยการผลักดันตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นงานวิจัยในเชิงบูรณาการ ทั้งนี้งานวิจัยต่างๆ ก็จะต้องมาจากความต้องการของประชาชนและเอกชน นำไปสู่การต่อยอด สู่การผลิต ซึ่งตอนนี้คิดว่าน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ได้ในอนาคต เช่น ว่านมหาเมฆ แผ่นปิดแผลวัสดุปิดแผลจากธรรมชาติ รวมถึงผลงานจากอาจารย์เพ็ญศรี เจริญสิทธิ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสีจากธรรมชาติ เช่น สีจากใบสัก สีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหรือเครื่องสำอาง เป็นต้น”
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จารุภา กล่าวฝากทิ้งท้ายอีกว่า ปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหารเสริมเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์อยู่มากมายซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากในการค้นหาข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งในส่วนของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มีหน่วยงานต่างๆ รวมถึงมีสถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ ด้านนวัตกรรมทางเคมี มีความยินดีและพร้อมจะให้ข้อมูลตอบทุกข้อสงสัย เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และมีความปลอดภัยในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
“เรื่องของความรู้ที่มีอยู่ตาม Social Media จะต้องมีการคัดกรอง เช่น โฆษณา เครื่องสำอาง อาหารเสริมต่างๆ เป็นต้น ซึ่งภาษาที่ใช้จะมีการชักจูงแต่ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อไม่ได้ แต่ข้อมูลเหล่านั้นเราสามารถที่จะค้นหาความเป็นจริงได้ แต่บางทีก็ค่อนข้างลำบาก หากจะให้คนในชุมชนต่างๆไปค้นข้อมูลทางวิชาการ ดังนั้น สิ่งที่น่าจะเป็นที่พึ่งได้ก็คือมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเขตชุมชนนั้น เช่นในส่วนของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ ด้านนวัตกรรมทางเคมี ที่สามารถตอบข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นมีความเป็นจริงหรือไม่อย่างไร ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเกี่ยวกับด้านเคมีเท่านั้น ซึ่งที่สถานวิจัยฯ นอกจากจะทำการผลิตแล้วยังมีการศึกษาในระดับชีวะโมเลกุลที่ดูในเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัยด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจในกรณีที่ผู้บริโภคจะนำไปใช้ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปให้กับภาคเอกชน ทำให้เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาผลิตออกมามีความปลอดภัยแน่นอน หรือให้คำชี้แนะเพิ่มเติมว่าจะต้องไปสอบถามที่หน่วยงานใด มีความยินดีที่จะตอบคำถามทุกข้อสงสัย” รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จารุภา กล่าวฝากทิ้งท้าย
ขอขอบคุณผู้ให้สัมภาษณ์ : รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จารุภา วิโยชน์ ผู้รับผิดชอบโครงการฯ และอาจารย์ประจำภาคเทคโนโลยีเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ขอขอบคุณภาพประกอบเพิ่มเติม : งานประชาสัมพันธ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร