ทีมข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร มน. F.M.107.25 MHz “วิทยุเพื่อการศึกษา สร้างปัญญาสู่มวลชน” ได้มีโอกาสขอความรู้จาก อาจารย์สมเกียรติ ศรประสิทธิ์ รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านระบาดวิทยา มองเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นอย่างไร มีความท้าท้ายต่อการเรียนการสอนเพื่อผลิตนักสาธารณสุขของไทยเราอย่างไรบ้าง มาติดตามกันเลย
คำถาม : จากสถานการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นตอนนี้ ในมุมของอาจารย์ด้านระบาดวิทยาคิดว่า น่าจะมีในส่วนใดที่เราควรจะมาเรียนรู้ หรือถอดบทเรียนในลักษณะใดได้บ้าง
“ในมุมของระบาดวิทยา โรคที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ก็เหมือนกับโรคอื่น ๆ ที่เราเคยรู้จักในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโรคอีโบล่า โรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส โรคเมอร์ส โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเหล่านี้ได้
ปัจจัยหนึ่งเกิดจากธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมอื่น ๆ หรือว่าแม้แต่เรื่องของการกระทำของมนุษย์เองที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ว่าจะเรื่องของการที่เกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อม การทำลายป่าแล้วระบบนิเวศเสียไป ภาวะโลกร้อน และสิ่งมีชีวิตทุกตัวก็เกิดการปรับตัว อาจจะมีผลต่อตัวเชื้อโรคหรือตัวสัตว์พาหะ เชื้อที่ไม่เคยก่อโรคก็กลายเป็นเชื้อก่อโรคได้ เชื้อที่เราเคยใช้ยาคุมมันได้ ฆ่ามันได้ เดี๋ยวนี้ก็ดื้อยา
แม้แต่พาหะบางชนิดที่นำเชื้อมาสู่เราเขาก็ดื้อยา ยกตัวอย่าง ยุงที่เกี่ยวกับไข้เลือดออก ยุงในหลาย ๆ พื้นที่ที่เริ่มดื้อยาฆ่ายุงแล้ว ดังนั้น ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะต้องมาทบทวนมาถอดบทเรียนกัน หรือแม้แต่เรื่องเกี่ยวกับยุคของโลกาภิวัตน์ การเดินทาง เรื่องเศรษฐกิจ การขนส่งต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงของประชากร สังคมผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อความต้านทานของโรคต่ำ พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยน การเคลื่อนย้าย พฤติกรรมการบริโภค บริโภคอาหารแปลก ๆ โดยเฉพาะอาหารป่า ที่นำมารับประทานหรือว่าด้วยความเชื่อ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะต้องมานั่งทบทวนหรือถอดบทเรียนกันต่อไป”
คำถาม : จากสถานการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ท้าทายในการเรียนการสอน หรือการที่จะผลิตบัณฑิตให้เป็นนักสาธารณสุข มากน้อยเพียงใด
“ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายมากในโลกปัจจุบัน ในการเรียนการสอนเรื่องของระบาดวิทยาในคณะสาธารณสุขศาสตร์ จะเน้นไปที่การป้องกันโรคไม่ให้เกิดโรคที่เอาหลักระบาดวิทยามาประยุกต์ใช้ มุ่งเน้นที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนิสิตเกี่ยวกับแนวคิดและทฤษฎีทางระบาดวิทยา โรคปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นเรียกว่าอะไร เป็นความปกติหรือมีความผิดปกติ โรคที่เกิดขึ้นมีเกิดขึ้นกับใคร ซึ่งใครในที่นี้หมายความว่า ผู้ชาย ผู้หญิง อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร แล้วก็นอกจากเกิดกับใครแล้วก็เกิดที่ไหน บางโรคมันไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกันทั่วโลกหรือแม้แต่ประเทศไทย ในแต่ละจังหวัดการเกิดโรคก็แตกต่างกันออกไป แล้วเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ช่วงเวลาไหน ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวบอกว่า โรคนั้นน่าจะมีความเสี่ยงกับใคร บริเวณตรงไหน และช่วงเวลาใด ซึ่งจะทำให้เราคิดถึงว่าอะไรที่ทำให้เกิดเป็นแบบนั้น ทำไมต้องเป็นในเด็ก ทำไมต้องเป็นในผู้หญิง ทำไมต้องเป็นในภาคเหนือ ทำไมต้องเป็นช่วงฤดูฝนหรือช่วงฤดูหนาว ซึ่งตรงนี้จะทำให้เราคิดออกว่ามันมีปัจจัยอะไรสนับสนุน หรือว่ามนุษย์เรามีปัจจัยเสี่ยงอะไรที่เข้าไปสัมผัสในช่วงเวลานั้น ในที่ที่แห่งนั้นก็จะทำให้เรารู้ถึงสาเหตุและที่มา
หลังจากนิสิตได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้แล้ว ก็นำไปประยุกต์ใช้ วิธีการประยุกต์ใช้ก็คือ การสังเกตด้วยการ เก็บข้อมูลโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา หรือต่างประเทศก็ได้ เพื่อดูว่ารูปแบบของมันโรคส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับใคร
ที่ไหนอย่างไรบ้าง ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของโรคที่เกิดขึ้น อย่างเราเฝ้าระวังไปเรื่อย ๆ ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น กรณีไข้เลือดออกประจำถิ่นบ้านเรา ปกติเรารู้ว่าจะเกิดฤดูฝนบางครั้งมันเกิดต้นปีเลย บางครั้งมันเกิดปลายปีหรือว่าเราพบในเด็ก แต่เดี๋ยวนี้พบในวัยรุ่นและเป็นในผู้ใหญ่มากขึ้น หรือว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นตัวกำหนดทำให้มันเป็นไปอย่างนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแล้วมีการแสดงถึงความผิดปกติ
ซึ่งเราเรียกว่าเป็นการระบาด คำว่า “ระบาด” คือ ระบาดแบบที่จำนวนเยอะขึ้นหรือมีการเปลี่ยนรูปแบบ มันเปลี่ยนไปก็จะต้องมีกระบวนการลงไปเก็บข้อมูลเชิงลึก ก็คือการสอบสวนโรค เป็นต้น”
คำถาม : ในฐานะที่ท่านอาจารย์ก็เป็นอาจารย์สอน ดูแลนิสิตที่จบทางด้านสาธารณสุขกันมาอยู่หลายรุ่น จากสิ่งที่มันเกิดขึ้นตอนนี้เกิดโรคระบาดต่าง ๆ ขึ้น มีสิ่งใดที่อยากกระตุ้นเตือนให้คิดถึงหลักสำคัญทางด้านระบาดวิทยาในการป้องกันโรคบ้างหรือไม่ อย่างไร
“อยากจะฝากว่า ก็มี 2 กลุ่มที่สำคัญ ๆ ก็เป็นบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ซึ่งก็เชื่อว่าบุคลากร ด้านสาธารณสุขไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตามก็เป็นผู้รู้อยู่แล้ว กล่าวคือ รู้ทางด้านโรค รู้ทางด้านการป้องกันต่าง ๆมากกว่าประชาชนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากจะฝากไปก็คือ เรื่องเกี่ยวกับการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่เป็นภาครัฐ การเผยแพร่ข้อมูลจากบุคลากรกันเองสู่ประชาชนด้วย ก็อยากให้ระมัดระวังแต่ว่าก็สื่อสารแบบตรงไปตรงมา แล้วก็โดยเฉพาะในเรื่องของการคุย การสื่อสารควรมีความชัดเจนง่ายต่อความเข้าใจต่อประชาชน เพราะความกังวลคือเรื่องของความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วนจะสร้างความกังวลหรือความตื่นตระหนกมาก
สำหรับตัวประชาชนเองก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในการติดตามข้อมูลโดยเฉพาะสื่อของภาครัฐตรงนี้เป็นข้อมูลที่ยืนยันแล้วถูกต้อง เรื่องของความชัวร์ก่อนแชร์ถ้ามีข้อมูลที่เราได้รับมาจากแหล่งต่าง ๆ ที่ไม่มีการอ้างอิงหรือเราคิดแล้วว่าไม่ใช่เราก็ไม่ควรแชร์หรือส่งต่อ โดยทั่วไปก็คือการดูแลสุขภาพร่างกายของเราปกติแข็งแรงอยู่เสมอการรับประทานอาหารที่สะอาดไม่กินของสุก ๆ ดิบ ๆ หรือของดิบ ๆ ของแปลก ๆ จำพวกเปิบพิสดาร อาหารป่า สัตว์ป่า ไม่ควรเลย ในช่วงนี้ควรจะล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องออกไปข้างนอกก็ต้องล้างบ่อยๆ
หากมีไข้หรือช่วงนี้เราเป็นหวัด เจ็บคอ ก็ควรจะไปพบแพทย์ แต่ก่อนที่จะไปพบแพทย์เราก็ใส่แมสเพื่อ เป็นการป้องกันไม่ทำให้เราไปแพร่เชื้อด้วย สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง คือคนที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุหรือว่าเด็กเล็ก ๆ ในระหว่างนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงการไปในที่สาธารณะเพราะก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น กรณีหวัดทั่วไป เรารักษาสุขภาพเราไว้ก่อน อย่างอื่น ๆ เลย ก็คือการติดตามข้อมูลเป็นสิ่งดีที่สุดเพราะเรื่องของโรคระบาดโดยเฉพาะโรคใหม่มันมักจะก่อความตื่นตระนกอยู่แล้ว สร้างความกังวลใจอยู่แล้ว ตรงนี้เราต้องตั้งสติและช่วยกันทำความเข้าใจช่วยกันสื่อสาร”